Last updated: 16 เม.ย 2568 | 18 จำนวนผู้เข้าชม |
หลุมสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? | อธิบายโดยคุณหมอรมิตา
หนึ่งในคำถามที่หมอมักเจอบ่อยที่สุดจากคนไข้ก็คือ “ทำไมสิวบางเม็ดหายแล้วถึงทิ้งรอยหลุมไว้?” คำตอบคือ หลุมสิวไม่ได้เกิดจากสิวเพียงอย่างเดียวค่ะ แต่มันเป็นผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการหลายขั้นตอน ทั้งการอักเสบ การซ่อมแซมผิว และการยุบตัวของคอลลาเจนที่ผิดพลาด ซึ่งจะเกิดหรือไม่เกิด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกร่างกายของแต่ละคน
ถ้าคุณเคยมีคำถามแบบนี้ในใจ บทความนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังแบบครบถ้วนเลยค่ะ ว่า หลุมสิวจริงๆ แล้วคืออะไร เกิดจากอะไร ทำไมบางคนเป็น บางคนไม่เป็น และเราจะป้องกันไม่ให้มันเกิดตั้งแต่แรกได้หรือไม่
1. สิวอักเสบ คือจุดเริ่มต้นของการทำลาย
เมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมันผิวส่วนเกิน (sebum) เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย P. acnes ร่างกายจะส่งเซลล์เม็ดเลือดขาวไปกำจัดเชื้อโรค จนเกิดเป็นการอักเสบ
หากการอักเสบนี้รุนแรงหรือยืดเยื้อ จะทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อรอบข้างลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ (dermis) ซึ่งเป็นส่วนที่มีคอลลาเจนและโครงสร้างผิว ถ้าอักเสบมากพอ เซลล์ที่ควรจะมาช่วยซ่อมแซมกลับกลายเป็นทำลายเนื้อเยื่อเดิมไปด้วย ทำให้การสมานผิวไม่สมบูรณ์ ผิวที่ควรจะเรียบกลายเป็นรอยยุบที่เราเรียกกันว่า “หลุมสิว”
2. กระบวนการซ่อมแซมของร่างกาย (แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะสมบูรณ์)
หลังจากการอักเสบสงบลง ร่างกายจะเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง โดยส่งสัญญาณให้ fibroblast สร้างคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนบริเวณที่เสียหาย
แต่ในบางครั้งร่างกายซ่อมแซมผิดจังหวะ หรือสร้างคอลลาเจนได้น้อยเกินไป ทำให้เกิดการยุบตัวของเนื้อเยื่อ หรือที่เราเห็นเป็น "หลุมสิว"
บางกรณีกลับซ่อมแซมเกินไป ทำให้เกิดเป็นแผลนูน (hypertrophic scar) แทน
3. การเกิดพังผืด และการยึดรั้งผิว
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ พังผืด (fibrosis) ที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อปิดผิวที่บาดเจ็บ โดยพังผืดเหล่านี้จะยึดติดระหว่างผิวชั้นบนกับชั้นล่าง ทำให้ผิวยุบลงถาวร เหมือนมีเชือกดึงผิวไว้ไม่ให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม
การตัดพังผืดในหลุมสิวลึกๆ จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาแบบ Subcision หรือเทคนิคขั้นสูงอย่าง Real Scar Synergy ที่หมอใช้
4. ปัจจัยที่ทำให้บางคนเกิดหลุมสิวง่ายกว่าคนอื่น
4.1 ความรุนแรงของการอักเสบ
สิวที่ลุกลามเร็ว ปล่อยไว้นาน หรือไม่ได้รักษาอย่างเหมาะสม มักทำลายผิวลึกกว่า และมีโอกาสเกิดหลุมสูงมาก
4.2 พันธุกรรม
บางคนมีการซ่อมแซมคอลลาเจนได้ดี แม้สิวอักเสบก็ไม่เป็นหลุม
บางคนแค่สิวหัวแดงนิดเดียว แต่ผิวฟื้นตัวยาก กลายเป็นหลุมได้ง่าย
4.3 ฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกัน
ในคนที่มีฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงกว่าปกติ เช่น วัยรุ่น หรือในผู้หญิงบางช่วงก่อนประจำเดือน ฮอร์โมนจะกระตุ้นต่อมไขมันมากขึ้น ทำให้เกิดสิวที่อักเสบรุนแรงและยาวนาน
4.4 อายุและการซ่อมแซมผิว
คนที่อายุมากขึ้นจะมีคอลลาเจนน้อยลง ผิวซ่อมแซมช้าลง หลุมจะเกิดง่ายขึ้น และเห็นชัดขึ้นแม้หลุมตื้นๆ
4.5 พฤติกรรมของเราเอง
เช่น การบีบสิวเอง, การใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงเกินไป, หรือการละเลยไม่ดูแลผิวอย่างเหมาะสมในช่วงที่มีสิวอักเสบ
5. การใช้ชีวิตที่ส่งผลให้หลุมสิวรุนแรงขึ้น
การกินอาหารน้ำตาลสูง หรือนมวัว (กระตุ้น IGF-1 ให้สิวอักเสบแรงขึ้น)
การพักผ่อนไม่พอ เครียดสะสม (ส่งผลต่อฮอร์โมน cortisol ที่ทำลายผิว)
การใช้ยาหรือสกินแคร์ที่ระคายเคืองซ้ำซ้อน
6. จะป้องกันหลุมสิวได้อย่างไร?
6.1 รีบรักษาสิวทันทีที่เริ่มมีอาการอักเสบ
อย่ารอให้มันลุกลาม
ยิ่งปล่อยไว้นาน โอกาสกลายเป็นหลุมยิ่งเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
6.2 ไม่บีบ ไม่แกะ ไม่กดเองเด็ดขาด
กดสิวเองไม่ได้ช่วยให้หายเร็ว มีแต่จะทำให้สิวติดเชื้อลึกกว่าเดิม
แถมเสี่ยงทิ้งทั้งหลุมและรอยแดง
6.3 บำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ
ผิวที่ชุ่มชื้น ไม่อักเสบง่าย จะฟื้นฟูตัวเองได้ดีกว่า
หมอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี niacinamide, centella, zinc หรือ ceramide เสริม
6.4 หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
UV ทำให้การซ่อมแซมผิวแย่ลง รอยหลุมดูเข้ม และอาจกลายเป็นหลุมลึกถาวร
7. ถ้ามีหลุมสิวแล้ว ต้องทำอย่างไร?
หลุมสิวเป็นแผลเป็นถาวรที่ไม่สามารถหายเองได้ จึงต้องอาศัยการรักษาที่ซับซ้อน เช่น:
Program Real Scar Synergy (RSS) เทคนิคเฉพาะที่ผสานการตัดพังผืด + กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน + เสริมการซ่อมแซมผิว
Program Real Juvgen เทคนิคกระตุ้นผิวลึกโดยไม่ทำลายผิวหน้า เหมาะสำหรับหลุมสิวระดับปานกลางถึงลึก
Program Real Sculpt Solution, Real Profilo Skin เสริมหลังทำหัตถการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างผิวใหม่
หลุมสิวมีกี่แบบ? รักษาต่างกันไหม?
หมอจะอธิบายง่ายๆ นะคะ ว่าหลุมสิวมี 3 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละแบบต้องใช้วิธีรักษาไม่เหมือนกัน
1. Ice Pick Scar
เป็นหลุมแคบแต่ลึก คล้ายรูเข็มเจาะลงไปในผิว มักเกิดจากสิวหัวช้างหรือซีสต์ที่ลึกมาก
วิธีรักษา: ต้องใช้เทคนิคเฉพาะ เช่น TCA CROSS หรือ punch excision
2. Boxcar Scar
เป็นหลุมกว้าง ขอบชัด เหมือนรูเหลี่ยม มักอยู่ที่แก้มสองข้าง
วิธีรักษา: เลเซอร์พลังงานสูง เช่น Fractional CO2 ร่วมกับ Subcision
3. Rolling Scar
เป็นหลุมที่ดูเหมือนคลื่นผิว ไม่ลึกแต่กินพื้นที่กว้าง มักเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง
วิธีรักษา: Subcision (การตัดพังผืดใต้ผิว) ร่วมกับการกระตุ้นคอลลาเจน
> ที่ Real Clinic เรามักออกแบบการรักษาแบบ “ผสมผสาน” (Real Scar Synergy) เพื่อจัดการหลุมทุกประเภทในเวลาเดียวกัน เพราะคนไข้หนึ่งคนมักไม่ได้มีแค่หลุมประเภทเดียว
สรุปจากหมอรมิตา
หลุมสิวไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น “ทันที” แต่คือผลลัพธ์ของ “กระบวนการอักเสบที่ไม่ได้รับการดูแล”
ไม่ว่าจะเป็นจากพันธุกรรม อายุ หรือพฤติกรรมของเราเอง
หลุมสิวไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความงาม แต่เป็นเรื่องของสุขภาพผิวและคุณภาพชีวิต หากเข้าใจที่มาของมันอย่างแท้จริง จะสามารถเลือกแนวทางป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม
หากคุณมีปัญหาหลุมสิวและกำลังมองหาทางรักษาที่ตรงจุด หมอรมิตาพร้อมดูแลอย่างมืออาชีพและจริงใจค่ะ
17 ก.พ. 2568