การรักษาหลุมสิวแบบ Real Scar Synergy

" การรักษารอยแผลเป็น'หลุมสิว' เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ทางการแพทย์ เป็นหนึ่งในการรักษาที่หมอมีความถนัดชำนาญ และชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ เนื่องจากหมอก็เป็นคนที่มีปัญหาหลุมสิวด้วยเหมือนกัน หมอจึงศึกษาและติดตามอัพเดทการรักษาหลุมสิวมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเรียนแพทย์ทั่วไป แพทย์ต่อยอดวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาตจวิทยา มาจนถึงปัจจุบัน 

โดยเทคนิคเฉพาะตัวที่หมอถนัดและเชี่ยวชาญและเชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่สุด จะเป็นกลุ่มการรักษาด้วยหัตถการเน้นมือแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Scar Revision) และใช้เลเซอร์เป็นเพียงส่วนเสริมเก็บรายละเอียดเท่านั้น

เทคนิควิธีของหมอในการรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้นเป็นแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร อาศัยทักษะความสามารถ เทคนิคขั้นสูงในการทำหัตถการการรักษาหลุมสิว เป็นงานฝีมือแพทย์ที่ต้องใช้ความชำนาญและความละเอียดเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และต้องเข้าใจเรื่องหลุมสิวอย่างถ่องแท้ รู้ว่าวิธีการรักษาหลุมสิวประเภทนี้ มีวิธีใดใช้รักษาได้บ้าง และนำมาปรับใช้กับคนไข้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

คลินิกหมอไม่มีเซลล์ ไม่ยัดเยียดขายคอร์สค่ะ คุยราคาไหนจบราคานั้น ชัดเจน ถูกต้อง สบายใจค่ะ

สารบัญหลุมสิว

1. Real Scar Synergy

2. Methods & Tecniques

  Real Scar Synergy ( RSS ) คือ โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่คิดค้นขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งเน้นการรักษาโดยวิธีหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ที่ผสมผสานหลายวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐานสากล มีงานวิจัยรองรับ ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลกว่าช่วยแก้ไขหลุมสิวได้จริง รวมไว้ในโปรนแกรมเดียว แล้วฉีดตัวยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อเข้าไป เพื่อฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อของเราเอง อีกทั้งยังเสริมด้วยเทคนิคพิเศษ ที่คุณหมอศึกษาโดยตรงมาจากอาจารย์แพทย์ชาวเกาหลี คือการฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่ ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องพักหน้า ตามหลักการ 

  1. Specific Scar Revision คือการรักษาตามลักษณะของหลุมสิวที่เป็นแต่ละจุดโดยละเอียด โดยใช้วิธีการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละรอยหลุมสิว ไม่ใช่การรักษาเหมือนกันในทุกๆคนแบบ one size fit all เนื่องจากหลุมสิวมีหลายลักษณะ และพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน 
  2. Multimodality Approach หลักการสำคัญคือต้องใช้หลากหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ครอบคลุมปัญหาได้มากที่สุด เพราะบนใบหน้าเรามีหลุมสิวหลายแบบ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอจึงไม่ใช้แค่วิธีการรักษาเดียว รักษาหลุมสิวทุกแบบบนใบหน้า ดังนั้นการรักษาหลุมสิวจึงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือเครื่องเดียวแล้วรักษาเคสหลุมสิวแบบเดียวกันกับทุกคน

ผลลัพธ์ที่ได้ หลังทำเพียงครั้งเดียว

** เคสรีวิวจริง จากคนไข้จริง ได้รับอนุญาตจากคนไข้แล้วจึงนำมาให้ชมกันค่ะ 

จุดเด่นที่เหนือกว่าวิธีอื่น

  • เป็นเทคนิคการรักษาวิธีมาตรฐานสากลแบบ Non-Energy Based Acne Scar Revision ผสมผสานกับวิธีการรักษาและตัวยาเดียวกันกับที่เกาหลี 
  • เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ไม่ต้องทำบ่อย
  • เป็นวิธีการแก้หลุมสิว ที่ทำให้เกิดการสร้างเนื้อผิวใหม่(Skin Regeneration) ฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง จึงให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
  • ช่วยลดการอักเสบของผิว ผิวหนาแข็งแรงขึ้น ช่วยชะลอวัย ลดริ้วรอยตื้นๆ ผิวชุ่มชื้น 
  • ไม่เป็นสะเก็ดตาราง ไม่ต้องพักหน้า ผิวไม่บาง

คุณหมอจะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของใบหน้าโดยรวม และปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นอย่างละเอียด ตามด้วยระบุประเภทหลุมสิวแต่ละจุด ทีละจุดบนใบหน้า ประเมินลักษณะพังผืด และประเมินสภาพพื้นฐานผิวของคนไข้ได้อย่างถี่ถ้วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นวางแผนการรักษาที่สำคัญมาก
  1. ปรึกษาวิเคราะห์ปัญหา วางแผนการรักษาร่วมกัน 20-30 นาที
  2. ก่อนทำจะมีการแปะยาชา 45-60 นาที
  3. หัตถการหลักเทคนิคเฉพาะของ Dr. Ramita ประมาณ 40-60 นาที (หลายหัตถการร่วมกัน)
  4. หัตถการพิเศษเทคนิคเกาหลี ฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ แล้วฉีดตัวยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อเข้าไป ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี 20-30 นาที
  5. ฉีดตัวยา กลุ่ม Skin Regeneration ตัวยาขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละรายบุคคล 20-30 นาที
  6. ลงเซรั่ม Biorepair ช่วยฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน สูตรเฉพาะ Real Clinic (ให้กลับบ้านด้วย) 
  7. ใช้เวลาการทำหัตถการทั้งหมด รวมแปะยาชา 2-3 ชั่วโมง

*หัตถการหลักเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ที่ผสมผสานหลายวิธีการรักษาหลุมสิว ที่เป็นมาตรฐานสากล มีงานวิจัยรองรับ ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลกว่าช่วยแก้ไขปัญหาหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้จริง รวมไว้ในโปรแกรมเดียว (หัตถการที่จะใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล)

  • Surgical Subcision - ตัดเซาะผังผืดด้วยเข็มชนิดพิเศษเทคนิคเฉพาะตัว จึงสามารถตัดผังผืดได้อย่างทั่วถึงตรงจุดแบบ Multilevel โดยไม่มีรอยช้ำห้อเลือด แบบการตัดผังผืดด้วยเข็มคมเทคนิคเดิมๆ - Air dissector เป็นการใช้ก๊าซตัดพังผืดชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง และช่วยลดอาการบวมช้ำ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น Subcisionคืออะไรอ่านเพิ่มเติม
  • Microneeding Collagen Induction Therapy (CIT Dermafix) เป็นการรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยผลัดผิวชั้นบน และผลักตัวยาสำคัญให้เข้าถึงทั่วทุกบริเวณอย่างล้ำลึก 
  • Chemical Reconstruction คือการใช้สารเคมีทางการแพทย์มาช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาจากก้นหลุมแบบโดยเฉพาะทีละจุด โดย TCA CROSS/Paint Technique ด้วยความเข้มข้นและเทคนิคที่เหมาะสมตามแต่ผิวคนไข้แต่ละราย
  • ในบางเคส ฉีดสารเติมเต็ม Filler ที่เนื้อเยื่อที่ฝ่อยุบตัวอย่างรุนแรง จนการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองสร้างขึ้นมาไม่ทัน ต้องอาศัยการฉีด สารเติมเต็ม Filler เพื่อเข้าไปทดแทน และเป็นบัฟเฟอร์กันชนไม่ให้พังผืดที่ตัดไปแล้ว กลับมารวมตัวกันอีก
  • Skin Regenaratiom กลุ่มตัวยาสำคัญที่หมอจะเลือกใช้ : Polynucleotides,Exosome, Growth Factor, กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Peptides ซึ่งในแต่ละกลุ่มตัวยา ก็จะจำแนกตัวยาไปอีกหลายตัวเลยค่ะ ทั้งนี้การเลือกใช้ตัวยาไหนขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจแพทย์และปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล ซึ่งเป็นการรวบรวมตัวยาสำคัญหลายชนิด แบบ Combination Therapy ควบคู่กับการทำหัตถการแพทย์ เพื่อช่วยเรียกเนื้อหลุมสิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ให้มาเติมเต็มรอยยุบได้อย่างถาวร กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน สว่างใสฉ่ำวาวยิ่งขึ้น ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น

  • ฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่
  • Skin Regeneration Agents* การฉีดสารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง มีหลายชนิดตามดุลยพินิจแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Polynucleotides PN, PDRN, Peptides, Exosome  
  • เทคนิคที่ได้รับการอบรมโดยตรงจากอาจารย์แพทย์ชื่อดังของเกาหลี

เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่รักษามาหลายวิธีแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเพิ่มเติม หลังจากทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้งแล้ว
  • ผู้ที่ทำเลเซอร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเห็นผล
  • ผู้ที่ไม่สามารถพักหน้าหลังทำเลเซอร์ได้
  • ผู้ที่ผิวบาง ระคายเคืองง่าย เป็นฝ้า มีข้อจำกัดในการทำเลเซอร์

รักษาอะไรได้บ้าง

  • รอยแผลเป็นสิว
  • รอยแผลเป็นต่างๆจากอุบัติเหตุ
  • รอยแผลเป็นอีสุกอีใส
  • ริ้วรอยต่างๆ หน้าผาก หว่างคิ้ว ตีนกา ร่องแก้มร่องน้ำหมาก

ข้อจำกัดการรักษา

  • ไม่ได้ทำให้ผิวเรียบเนียนกริบ100% เสมือนผิวที่ไม่เคยมีแผลเป็นหรือริ้วรอยมาก่อน
  • แม้พังผืดจะถูกตัดให้แยกออกจากกัน แต่เนื่อเยื่อแผลเป็นยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกกำจัดออกไปแบบการผ่าตัดเเอาออก แล้วเย็บหลุม
  • หลุมสิวแบบจิกลึก ขอบคมชัด อาจเห็นผลไม่มากในครั้งแรก แต่คุณภาพผิวโดยรวมจะดูดีขึ้น
  • ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการบวม ทำให้ดูตื้นขึ้นเกินเนื้อจริง


ข้อควรระวังหลังการรักษา

  • หลังทำจะมีรอยแดงจากเข็ม และตุ่มแดงเหมือนยุงกัด วันรุ่งขึ้นจะค่อยๆจางลง ไม่มีแผลตารางตกสะเก็ด
  • หลังทำหัตถการ 24 ชั่วโมง สามารถแกะผ่าก๊อซที่ปิดแผลไว้ได้ และสามารถล้างหน้า/แต่งหน้า/ทาแป้งได้ตามปกติ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 5วันขึ้นไป
  • หลังการรักษา2วัน ควรงดการออกกำลังกาย อบซาวน่า แช่ออนเซน
  • ควรระวังไม่ใช้มือกดผิวบริเวณที่ทำการรักษา และไม่กดผิวแรงๆบริเวณนั้น
  • หลังการรักษาจะมีการปิดเทปผ้าก็อซ1-2วัน เพื่อรักษาผิวบริเวณนั้นและป้องกันการติดเชื้อ

กลับไปหน้าสารบัญ

 

 

 

 

คำถามที่พบบ่อย

Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากการรักษาหลุมสิวที่เกาหลีอย่างไร?
A : การรักษาหลุมสิวที่เกาหลีส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การฉีดมากกว่าการทำเลเซอร์ โดยเทคนิคเฉพาะที่มีการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และกรดไฮยาลูโรนิคอนุภาคเล็กเข้าไปทำให้เกิดการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองนั้น มีข้อดีตรงที่เห็นผลชัดตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนานส่วนใหญ่คนไข้จะนิยมทำแค่บางจุดที่เด่นชัดจริงๆเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ค่อนข้างสูงมากและวิธีนี้มีข้อจำกัดในการรักษาหลุมสิวแบบ deep icepick และ deep boxcar scar 

โปรแกรม REAL Acne Scar Synergy ก็มีการรักษาด้วยเทคนิคเดียวกันกับที่เกาหลีนี้รวมอยู่ในหัตถการหลักด้วย แต่จะแตกต่างตรงตัวยาที่ฉีดเข้าไป(ของทางเกาหลีจะมีเฉพาะกรดไฮยาลูโรนิคอย่างเดียว หรือบางคลินิกจะเป็นสาร PDRN เท่านั้น) สูตรตัวยาแบบเฉพาะของหมอที่ฉีดเข้าไปแล้วทำให้เกิด Skin Regenerationร่วมกับการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นเป็นการรวบรวมตัวยาที่มีงานวิจัยรับรองแล้วว่ากระตุ้นและเพิ่มคอลลาเจนใต้ผิวได้จริง ได้แก่ ไฮยาลูโรนิคแอซิด โพลีนิวคลิโอไทด์ เอกซ์โซโซม โกรทแฟคเตอร์และวิตามินสารอาหารผิวต่างๆ ที่ช่วยบำรุงผิวด้วยอีกทั้งยังมีหัตถการอื่นๆทำควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดพังผืด SurgicalSubcision ด้วยเครื่องมือพิเศษเฉพาะแต่ละหลุม, Chemical Reconstruction TCA CROSS/PAINT, Collagen Induction Therapy เพื่อให้ครอบคลุมปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นได้มากที่สุดค่ะ


Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากคอร์สเลเซอร์อย่างไร
A : Real Scar Synergy เป็นการดูแลรักษาหลุมสิวแบบองค์รวม โดยใช้หัตถการฝีมือแพทย์เป็นหลัก หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่ากลุ่มการรักษาแบบ Non-Energy Based Acne Scar Revision

  • ซึ่งจะใช้วิธีที่เฉพาะเหมาะสมกับหลุมสิวแต่ละประเภทหลากหลายหัตถการร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้หมออาจมีการใช้เลเซอร์เพื่อเก็บราละเอียดผิวตามหลัง เป็นการรักษาเสริมเพิ่มเติมเท่านั้น (ขึ้นกับประเภทย่อยของหลุมสิวและความพึงพอใจส่วนตัวของคนไข้)
  • การรักษาด้วยกลุ่มเทคนิคนี้ จำเป็นต้องใช้ความละเอียดประณีตและทักษะฝีมือความชำนาญของแพทย์เป็นหลัก จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีโดยเฉพาะในหลุมสิวชนิดรุนแรงที่มีพังผืดดึงรั้งเยอะและเนื้อยุบเป็นบริเวณกว้างการรักษาด้วยเลเซอร์จะไม่สามารถแก้ไขได้เลย จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีหัตถการเท่านั้น 
  • ส่วนคอร์สเลเซอร์ที่มีทั่วไป จะเป็นการรักษาโดยใช้พลังงานเลเซอร์มากระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวเป็นหลักทางการแพทย์เรียกกลุ่มการรักษานี้ว่า Energy Based Acne Scar Treatment กลุ่มเลเซอร์ที่ใช้มีหลากหลายต้นกำเนิดพลังงานและหลากหลายแบรนด์เทคโนโลยีมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น CO2 Full Ablative/Fractional, Erbium Full Ablative/Fractional, Fractional RF(Ematrix, Fractora, Infini, Genius), Picosecond laser (PicoDiscovery, Picosure, Picoway, Picoplus), Dual 1550/1927 nm (Frexel Re:store)
  • โดยหลักการแล้วการใช้เลเซอร์ที่ได้มาตรฐานมีงานวิจัยรองรับ พลังงานจะเสถียร และเมื่อทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ปรับตั้งค่าเครื่องได้อย่างถูกต้องแม่นยำแล้วจะสามารถทำให้หลุมสิวบางประเภทที่ไม่รุนแรงมากดีขึ้นได้
แต่ในหลุมสิวที่รุนแรงและมีพังผืดดึงรั้งลึกมากหากทำเพียงแค่เลเซอร์อย่างเดียวเป็นคอร์สต่อไปเรื่อยๆ จะไม่มีทางรักษาให้หลุมสิวนั้นดีขึ้นอย่างแท้จริงได้เลยอย่างไรก็ตามการทำเลเซอร์ก็ถือเป็นอีกวิธีรักษาแบบเสริมที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพหากเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับประเภทหลุมสิวและสภาพผิวของคนไข้ค่ะ

Q : Real Acne Scar Synergy แตกต่างจากการผ่าตัดเย็บหลุมสิวอย่างไร
A : 
เนื่องจากการผ่าตัดเย็บหลุมสิวนี้ เป็นการเปลี่ยนรูปแบบของแผลจิกลึกขอบหนา ให้กลายเป็นรูปแบบเส้นจางๆการผ่าตัดเย็บหลุมสิวจะต้องดูแลรอยแผลอย่างเคร่งครัด ห้ามแผลโดนน้ำและต้องกลับมาตัดไหมที่ 5-7 วันหลังจากนั้นต้องมีการทำเลเซอร์เพื่อลบรอยแผลใหม่ต่ออีกด้วยจึงเหมาะกับผู้ที่สามารถดูแลรักษาแผลหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัดได้จริงๆ

ในกลุ่มของการรักษาหลุมสิวด้วยการผ่าตัด จะมีเทคนิคอื่นๆอีก เช่น Punch grafting,Punch elevation ซึ่งโดยส่วนตัวหมอเองจะยังไม่ได้มีการรักษาด้วยเทคนิคนี้ในโปรแกรมของทางคลินิกค่ะ


Q : หลักการของ Real Acne Scar Synergy คืออะไร
A :  - Specific Scar Revision หมอจะรักษาตามลักษณะของหลุมสิวที่เป็นแต่ละจุดโดยละเอียดโดยใช้วิธีการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละรอยหลุมสิว ไม่ใช่การรักษาเหมือนกันในทุกๆคนแบบ one size fit all เนื่องจากหลุมสิวมีหลายลักษณะ และพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน หลักการสำคัญคือต้องใช้หลากหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ครอบคลุมปัญหาได้มากที่สุด เพราะบนใบหน้าเรามีหลุมสิวหลายแบบ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอจึงไม่ใช้แค่วิธีการรักษาเดียว รักษาหลุมสิวทุกแบบบนใบหน้า ดังนั้นการรักษาหลุมสิวจึงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือเครื่องเดียวแล้วรักษาเคสหลุมสิวแบบเดียวกันกับทุกคน
- Holistic Scar Solution เป็นการทำหัตถการรักษาหลุมสิว เพื่อให้เกิด Skin Regeneration สร้างชั้นผิวขึ้นมาใหม่ด้วยผิวของเราเอง โดยรวบรวมทุกหัตถการการรักษาหลุมสิวทั้งแบบหลักและแบบทางเลือก Multimodality Approach ด้วยเทคนิคเฉพาะหลุม Specific Scar Revision ร่วมกับใช้ตัวยาสำคัญที่ช่วยเรียกเนื้อหลุมสิว


Q : ขั้นตอนการทำ เป็นอย่างไร ?
A : ขั้นตอนการทำ " ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแพทย์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล "
เนื่องจากแต่ละบุคคลมีพื้นฐานปัญหาผิวและข้อจำกัดไม่เหมือนกัน คุณหมอจะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของใบหน้าโดยรวม และปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นอย่างละเอียดก่อน ตามด้วยระบุประเภทหลุมสิวแต่ละจุดบนใบหน้าอย่างละเอียด ประเมินลักษณะพังผืด และประเมินสภาพพื้นฐานผิวของคนไข้ได้อย่างถี่ถ้วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นวางแผนการรักษาที่สำคัญมากเมื่อประเมินลักษณะปัญหาหลุมสิวของคนไข้ได้อย่างละเอียดดีแล้ว จึงค่อยวางแผนเลือกใช้วิธีการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้เฉพาะบุคคลเพราะแต่ละคนข้อจำกัดไม่เปมือนกัน เช่น ต้องใช้ใบหน้าทำงาน ตกสะเก็ดไม่ได้ หมอจึงต้องคอยปรับแต่งแผนการรักษาโดยตลอดให้เหมาะกับแต่ละคน
  • ปรึกษาวิเคราะห์ปัญหา วางแผนการรักษาร่วมกัน 15-30 นาที
  • ก่อนทำจะมีการแปะยาชา 45-60 นาที
  • ทำหัตถการแพทย์ประมาณ 45-60 นาที (หลายหัตถการร่วมกัน)
  • ฉีดตัวยา กลุ่ม Skin Regeneration ตัวยาขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละรายบุคคล
  • ลงเซรั่ม Biorepair ช่วยฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน สูตรเฉพาะ Real Clinic (ให้กลับบ้านด้วย)

Q : หัตถการที่แพทย์ทำ ต่อ 1 เคสทำอะไรบ้าง
A : หมอจะใช้หลายๆหัตถการร่วมกัน ในการรักษาครั้งเดียวเลยค่ะ ด้วยปัญหาของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน หัตถการที่ใช้และตัวยาก็จะแตกต่างกันออกไป

โดยหัตถการหลักที่ทำให้ทุกเคส เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อตัวเอง ด้วยเทคนิคจากเกาหลี คือ การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปตัดพังผืดและสร้างโพรงอากาศ แล้วฉีดสารฟื้นฟูเนื้อหลุมสิว Skin Regeneration Agents เช่น กรดไฮยาลูโรนิคอนุภาคเล็ก เข้าไป

หมอขอยกตัวอย่างหัตถการที่แพทย์จะเลือกใช้ให้ดูนะคะ ซึ่งแต่ละหัตถการก็อมีหลายเครื่องมือ หลายตัวยาให้เลือกใช้แยกออกไปอีก  " ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแพทย์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล "
  • Surgical Subcision ตัดเซาะพังผืดด้วยเข็มชนิดพิเศษ เทคนิคเฉพาะตัว จึงสามารถตัดพังผืดได้อย่างทั่วถึงแบบ Multilevel โดยไม่มีรอยช้ำห้อเลือด แบบการตัดพังผืดด้วยเข็มคมเทคนิคเดิมๆ
  • Air Dissector เป็นการใช้ก๊าซตัดพังผืดชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง และช่วยลดอาการบวมช้ำ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • การฉีดฟื้นฟูผิวหนังตัวเอง ด้วยการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่
  • Collagen Induction Therapy (CIT Dermafix) เป็นการรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยผลัดผิวชั้นบน และผลักตัวยาสำคัญให้เข้าถึงทั่วทุกบริเวณอย่างล้ำลึก 
  • Chemical Reconstruction คือการใช้สารเคมีทางการแพทย์มาช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาจากก้นหลุมแบบโดยเฉพาะทีละจุด โดย TCA CROSS/Paint Technique ด้วยความเข้มข้นและเทคนิคที่เหมาะสมตามแต่ผิวคนไข้แต่ละราย
  • การฉีดสารเติมเต็ม Filler เพื่อเข้าไปทดแทนเนื้อเยื่อที่ฝ่อยุบตัวอย่างรุนแรง จนการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองสร้างขึ้นมาไม่ทัน และเป็นบัฟเฟอร์กันชนไม่ให้พังผืดที่ตัดไปแล้ว กลับมารวมตัวกันอีก
  • Skin Regeneration Agents การฉีดสารที่ช่วยฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง มีหลายชนิดตามดุลยพินิจแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Polynucleotides, Peptides

Q : เห็นผลดีแค่ไหน ?
A : ก่อนอื่นจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หลุมสิวคือแผลเป็นชนิดหนึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดที่จะทำให้หายเรียบเนียนกริบ เสมือนผิวปกติที่ไม่เคยมีแผลเป็นมาก่อนได้เลย 100%ผลลัพธ์การรักษาด้วยโปรแกรมนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของหลุมสิวที่เป็น สภาพพื้นฐานผิว และข้อจำกัดของคนไข้เองโดยทั่วไปในหลุมสิวแบบ Rolling scar ที่ปากแผลกว้าง ขอบไม่ชัดมีพังผืดเกาะไม่ลึกและไม่หนามาก หมออาจรักษาให้ดีขึ้นได้ถึง 80-90% ได้ในการทำหัตถการเพียงครั้งเดียว แต่ในกรณีที่หลุมสิวรุนแรงกว่า มีพังผืดที่หนาและแข็งมากดึงรั้งกับไขมันกล้ามเนื้อชั้นลึกเยอะ อาจรักษาได้ยากขึ้น แบบนี้อาจต้องรักษา 2-3 ครั้งเพื่อให้ผลที่ดีขึ้น 50-70%


Q : ราคาเท่าไร ?
A : เริ่มต้นที่ 39,900 บาท 

Q : ผลข้างเคียง ความปลอดภัย
A : เป็นหัตถการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง อาจมีผลข้างเคียง บวม แดง ช้ำได้บ้าง ตามสภาพผิวของแต่ละบุคคลแต่ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหน้า ไม่มีสะเก็ดตาราง ไม่เบิร์นผิวค่ะ


Q : มี อย. ไทยไหม ?
A : ผลิตภัณฑ์ตัวยา รวมถึง เครื่องมือแพทย์ทุกตัวที่ใช้ในการทำหัตถการ มี อย. ไทย ทุกตัวค่ะ 


Q : ทำครั้งหนึ่งอยู่ได้นานแค่ไหน ถาวรไหม
A : พื้นฐานของโปรแกรมการรักษานี้ จะทำให้เกิดการตัดพังผืด และมีการสร้างคอลลาเจนฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิวขึ้นมาใหม่ หากมองแค่ในหลักการนี้ก็จะถือว่าเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรทำนองเดียวกันกับการทำเลเซอร์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมาเติมหลุมสิวแต่หากมองในแง่ของการมี Aging process มาเกี่ยวข้องตามธรรมชาติของมนุษย์ร่วมด้วยแล้วคอลลาเจนที่ผิวสร้างขึ้นเองนี้จะมีการลดลงครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่(half-life) ในทุกๆประมาณ 15 ปีร่วมกับการสูญเสียปริมาตรของโครงสร้างที่พยุงใบหน้าทั้งชั้นเนื้อเยื่อไขมันและชั้นกระดูกเมื่อเวลาผ่านไป หากมองในแง่นี้ด้วยก็ควรจะถือว่าเป็นผลลัพธ์แบบกึ่งถาวร เพราะเมื่อทุกชั้นผิวหนังโดยรวมเกิดความเสื่อมสภาพลงตามวัย

ผลลัพธ์ของการรักษาหลุมสิวจากคอลลาเจนที่เคยดีขึ้น ก็มักจะร่วงโรยตามวัยด้วยเช่นกัน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมคนที่มีหลุมสิวแล้วไม่เคยได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมเลย เมื่ออายุมากขึ้นหลุมสิวจึงดูเด่นชัดรุนแรงมากขึ้นด้วยนอกจากนี้ในกรณีของหลุมสิว ที่มีการยุบตัวฝ่อลงของเนื้อเยื่อชั้นไขมันร่วมด้วย ซึ่งจำเป็นต้องฉีดสารเติมเต็มเข้าไปแทนที่เมื่อเวลาผ่านไปสารเติมเต็มนี้จะถูกสลายไปได้ตามกาลเวลา แต่ในขณะเดียวกัน การ Subcisionตัดพังผืดนี้ร่วมกับอีกคุณสมบัติของสารเติมเต็มที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ด้วยจะไปกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างเส้นใยคอลลาเจนอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ถือเป็นผลที่ได้อย่างถาวร(หรือกึ่งถาวร หากพิจารณาAging processด้วย) อย่างไรก็ตามคอลลาเจนที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นกับยีนที่กำหนดในแต่ละบุคคลด้วย

กลับไปหน้าสารบัญ

Methods & Tecniques

 การรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน โดยหมอจะขอแบ่งเป็นกลุ่มการรักษาเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้

1.กลุ่ม Resurfacing เรียกง่ายๆก็คือการกรอผิวให้เนียนขึ้นนั่นเองในกลุ่มนี้ก็ได้แก่

  • Dermabrasion/Microdermabrasion คือการใช้เครื่องมือกรอผิวหนังชั้นบนให้เรียบเนียนเสมอกันมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่มี Aluminum oxide หรือแกล็ดอัญมณี มากรอผิวชั้นบนและขัดออก เพื่อให้เกิดกระวนการ reepithelialisation

  • Chemical peeling คือการใช้สารเคมีมาผลัดผิวเก่าด้านบนออกไป และช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาแทน เช่น การใช้กรด Glycolic Acid, Jessner’s Solution, Pyruvic acid, Salicylic acid, TCA peeling, TCA CROSS(Chemical reconstruction of skin scar method) ในความเข้มข้นที่สูงกว่าที่ผสมในครีมเครื่องสำอางทั่วไปมาจี้ตามจุดหลุมสิวหรือทาให้ทั่วใบหน้าโดยต้องทำหลายครั้งและสม่ำเสมอ

  • Laser resurfacing ก็คือการใช้เลเซอร์ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะชนิดที่เรียกว่า Fractional Laser หรือที่เราเห็นหลังทำแล้วผิวหน้าเป็นสะเก็ดตารางๆ นั่นเอง ซึ่งในท้องตลาดก็มีชื่อเรียกต่าง ๆกันไป ขึ้นอยู่กับต้นกำเนิดพลังงาน เช่น ถ้าเป็นคลื่นวิทยุ (RF, Radiofrequency) ก็เช่นเครื่อง E-matrix, Venus Viva, Fractora, Infini, Geneus, Vivance กลุ่มนี้มีผลพลอยได้เรื่องยกกระชับผิวได้ด้วย หรือถ้าเป็น erbium lasers ถ้าเป็นกลุ่ม Photothermolysis ก็เช่น Fraxel เป็นต้น โดยเลเซอร์ที่ให้ผลลัพธ์การรักษาหลุมสิวดีขึ้นมากที่สุดในกลุ่ม กลับเป็นชนิด Ablative laser คือเป็นเลเซอร์ลอกผิวที่มีความรุนแรงต่อผิวมาก เช่น Ablative Fractional CO2 10600 nm, Fractional 2940 nm Erbium:YAG แม้จะได้ผลที่ดีขึ้นมากถึง 50-80% แต่ต้องแลกมาด้วยผลข้างเคียงเป็นรอยแดงรอยดำที่หน้า(ซึ่งอาจทิ้งรอยดำนานเป็นเดือนๆ หรือเกิดฝ้าขึ้นมาแทน) และมักพบอาการบวม แดง รอยแผลถลอกหลังทำ ที่ต้องพักฟื้นหน้านาน รวมถึงการสมานผิวที่ต้องใช้เวลานานกว่ามาก จึงไม่ได้รับความนิยม และไม่เหมาะกับผิวคนเอเชีย

    และอีกเทคโนโลยีเลเซอร์ใหม่ล่าสุด Picosecond laser ที่ปล่อยพลังงานในช่วงที่สั้นและสูงมาก จึงทำลายเม็ดสีได้ดีมาก และมีการพัฒนาเลนส์พิเศษหัว Fractional ที่ทำให้เกิด LIOB(Laser-induceed optical breakdown) คือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นหนังแท้ และกรอผิวด้านบนให้เรียบเนียน ซึ่งข้อดีของเทคโลโลยีนี้คือ ไม่ค่อยทิ้งรอยดำ PIH แต่อย่างไรก็ตาม หลังทำเลเซอร์ทุกชนิดต้องคอยหลบแดดเช่นกัน

    การรักษาเหล่านี้มีหลักการเดียวกันคือทำให้เกิดบาดแผลขึ้นที่ผิวหนังแล้วหวังผลให้ผิวหนังซ่อมแซมตัวเองสร้างคอลลาเจนเนื้อเยื่อใหม่ได้ผิวที่เรียบเนียนขึ้น

    ในคนไข้บางรายที่ทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้ง แต่ยังรู้สึกไม่เห็นผล อาจเกิดจากมีพังผืดยึดเกาะใต้ผิวมาก หรือบางครั้งเมื่ออายุผิวมากขึ้น คุณภาพผิวเราไม่ดีแล้ว การสร้างใหม่จึงไม่ดีด้วย ทำให้ผิวบางลง ยิ่งทำเลเซอร์บ่อย โดยไม่ได้ทำการฟื้นบำรุงผิวร่วมด้วย ผิวยิ่งบาง หน้ายิ่งแดงง่าย เห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆใต้ผิว แสบหน้า ผิวแพ้ง่าย และผิวหน้าดำคล้ำลงได้ง่าย แม้เวลาถูกแดดเพียงเล็กน้อยก็ตาม
2.กลุ่มการศัลยกรรมตัดพังผืด


                                                       

  • Fibrous Scar Surgery และ Subcision คือใช้เข็มคมขนาดใหญ่ หรือ เข็มชนิดพิเศษที่มีปลายมีด มาตัดเลาะพังผืดใต้ผิว เป็นวิธีพื้นฐานที่มักทำควบคู่กับวิธีอื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วิธีนี้อาจมีรอยเขียวช้ำ ห้อเลือดตามมาได้ และหากทำโดยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องแล้วอาจทำให้เกิดพังผืดใหม่ที่มากขึ้นได้เช่นกัน ปัจจุบันจึงได้มีการศึกษาเทคนิคการตัดพังผืดด้วยเครื่องมืออื่นๆ เช่น เข็มปลายทู่ชนิดพิเศษ, การใช้ก๊าซCO2, การใช้พลังงานลม Air Dissector, คลื่นวิทยุRF มาประยุกต์ใช้ในการทำ Subcision แทนการใช้เข็มคมแบบดั้งเดิม เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้เข็มคมหรือปลายมีด มีการศึกษาวิจัย พบว่าให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้เช่นกัน

                        
  • Punch Technique ได้แก่ Punch excision, Punch elevation, Punch grafting เป็นการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อตรงที่เป็นหลุมสิวออกไป แล้วเย็บปิดแผล หรือใช้เนื้อผิวบริเวณอื่นมาปลูกถ่ายลงบริเวณที่โดนตัดออก เป็นการเปลี่ยนชนิดแผลเป็นจากแบบหลุมเป็นแบบเส้น แล้วใช้ Laser resurfacing ช่วยลดรอยแผลใหม่อีกที วิธีนี้ดูเหมือนเป็นการรักษาที่ตัดต้นตอของหลุมสิวออกไปได้มากที่สุด แต่มีข้อจำกัดในด้านการดูแลรักษา การหายของแผล การติด/สมานแผลของผิวที่นำมาปลูกถ่าย และเสี่ยงเกิดรอยแผลเป็นชนิดใหม่ตามมาได้เช่นกัน จึงไม่ใช่วิธีแรกที่ถูกพิจารณาในการเลือกรักษา

 

3.กลุ่มเครื่องมือที่ใช้เข็ม (Skin needling) เช่น Dermaroller, Dermapen, Derma stamp, Dermafix, เลเซอร์ Microneedle   กลุ่มนี้ใช้หลักการทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บด้วยเข็มขนาดเล็ก เพื่อให้ร่างกายเกิดกระบวนการรักษาบาดแผลขึ้นมา จึงมีการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาซ่อมแซมผิวด้วย ในกลุ่มนี้ต้องระวังการทำลูกกลิ้ง Dermaroller ที่ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าไม่ได้ช่วยให้หลุมสิวดีขึ้น แต่ยังทำให้เกิดบาดแผลที่ผิวชั้นบนมากยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มาก

             
 
4.กลุ่มสารเติมเต็มและยกกระชับ
  • การฉีดไขมันเติมเต็ม (Autologous Fat Transfer) มีข้อดีตรงที่เป็นไขมันของคนไข้เอง ไม่เกิดปฏิกิริยาการแพ้ แต่ข้อเสียคือไม่สามารถคาดการณ์อัตราการติดของไขมันได้ หรือหากเติมมากเกินไปอาจกลายเป็นก้อนนูนไม่เรียบแทน จึงไม่เป็นที่นิยมในการใช้รักษาหลุมสิว
  • การใช้สารเติมเต็มหลุมสิว (Acne Scar Dermal Filler) วิธีนี้ได้รับความนิยมมากในระดับสากล เนื่องจากเห็นผลไว downtimeน้อย มักใช้เป็นcombinationร่วมกับวิธีอื่น เพื่อให้ผลลัพธืที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน และให้ผลที่ยาวนาน ในปัจจุบันมีการพัฒนานวัตกรรมสารเติมเต็มขึ้นมาหลายชนิด ไม่เพียงเพื่อเติมเต็มเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีมากอีกด้วย โดยในส่วนของการแก้ปัญหาหลุมสิวนี้ จะต้องอาศัยสารที่มีคุณสมบัติเป็น Collagen Stimulating Filler เป็นหลัก ฟิลเลอร์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ PLLA, Calcium hydroxyapatite, PMMA, Low molecular weight and High molecular weight HA, PCL แต่สารเติมเต็มหลายตัวในกลุ่มนี้ยังไม่ผ่านการรับรองจาก อย.ของไทย
                                             

ส่วนสารเติมเต็ม ที่มีใช้อย่างแพร่หลายและได้รับการรับรองจากอย.ของไทย คือ ชนิด Hyaluronic acid หรือ HA Filler กลุ่มนี้มีคุณสมบัติหลักๆในการเพิ่ม Volume และบางรุ่นที่เป็น Skin booster ก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เช่นกัน จากกลไกของ Fibroblast stretching ซึ่งวิธีการคือใช้ HA Filler มาฉีดเติมเข้าไปที่ก้นหลุมให้เนื้อผิวฟูเต็มขึ้นมาโดยตรงด้วยเทคนิคการฉีดแบบต่างๆ วิธีนี้เหมาะกับหลุมสิวชนิด rolling scar ที่มีปากแผลกว้าง ขอบสโลปและก้นแผลตื้น โดยต้องมีการตัดเซาะพังผืดใต้แผลร่วมด้วย จึงจะได้ผลดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดเป็นหลัก หลังเติมจะเห็นผลชัดเจนทันที   และอีกเทคนิคหนึ่งของการใช้ฟิลเลอร์มาช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นทางอ้อม ด้วยเทคนิค Filler Lifting and Volumizing คือการใช้ฟิลเลอร์มายกกระชับและเติมเต็มบริเวณผิวข้างเคียงหลุมสิวทำให้หลุมสิวถูกตรึงให้ตื้นขึ้นเทคนิคนี้นอกจากช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นแล้วยังช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนวัยสดใสขึ้นได้อีกด้วยค่ะ

ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์หลุมสิวจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเลยทันทีกว่า 50% อยู่ได้นานประมาณ 1 ปีในกรณีของ HA Filler และ 2-5 ปีขึ้นไปในกรณีของกลุ่ม PLLA และ PMMA    โดยในระหว่างที่ฟิลเลอร์ยังอยู่ใต้ผิวเราจะช่วยบำรุงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีลาสตินใหม่ที่แข็งแรงขึ้นแม้ว่าเวลาผ่านไปแล้วฟิลเลอร์จะสลายหมดผิวตรงหลุมสิวก็จะยังคงดีกว่าตอนก่อนฉีดค่ะ

  • PN (หรือ Polynucleotide) คือสารที่ได้จากการกลั่นสกัดจาก Salmon Sperm ที่มีโครงสร้างทางที่เหมือนกับร่างกายของมนุษย์  จึงไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านกัน โดยที่ตัวยาจะไปกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงตัวของ Collagen & Fibroblast เพื่อสร้างเนื้อเยื่อมาเติมเต็มหลุมสิว (Skin Regeneration) PN มีโครงสร้างสายที่มีลักษณะยาวกว่า PDRN สามารถฟื้นฟูซ่อมแซมผิวได้ในระดับที่ดีกว่า PDRN ถึง 50 % โดยมีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับว่า PN หรือ Polynucleotide มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความหนาของชั้นผิว และเพิ่มความขาวกระจ่างใสภายในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ โดยตัว PN ที่ใช้นี้กำลังเป็นที่นิยมสูงที่สุดในเกาหลีและสิงคโปร์ ส่วนใหญ่จะมีชื่อทางการค้าว่า รีจูรัน, มุลกวัง, Bubbles DNA วิธีนี้เปรียบเสมือนการซ่อมผิว และสร้างเนื้อผิวใหม่ขึ้นมาบริเวณหลุมสิว จึงได้ผลดีในระยะยาว นอกจากช่วยแก้ไขหลุมสิวแล้ว ยังใช้ทำให้ผิวเงา ฉ่ำวาว แบบที่หนุ่มสาวเกาหลีนิยมทำกันด้วยค่ะ

  • PDRN (Polydeoxyribonucleotide) คือสารที่ได้จากการกลั่นและสกัดจากสเปิร์มปลาแซลมอน มีโครงสร้าง ที่สั้นกว่า PN และเข้มข้นน้อยกว่า มีคุณสมบัติเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิวและเนื้อเยื่อที่มีความเสื่อมสภาพ และยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมาย ว่าสามารถเข้ากับผิวมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ วิธีนี้ช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมผิวได้คล้ายคลึงกับ PN แต่ต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะได้ผลที่เทียบเคียง PN ราคาต่อครั้งถูกกว่า

5.กลุ่มสารต้นกำเนิด

- PRP ย่อมาจาก Platelet Rich Plasma  ถือว่าเป็นวิธีการรักษาใหม่ที่เพิ่งได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย วิธีการรักษา คือ การสกัดเอาส่วนที่เป็นของเหลวหรือน้ำเลือด (Plasma) ซึ่งอุดมไปด้วยเกร็ดเลือด (Platelet) และ Growth Factor สำคัญหลายชนิด ซึ่ง Growth Factor เป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สามารถกระตุ้นให้ร่างกายมีการเพิ่มจำนวนเจริญเติบโต และซ่อมแซมตัวเอง เมื่อร่างกายเกิดการบาดเจ็บขึ้น ทำให้ร่างกายเกิดกระบวนการหายของแผลอย่างเป็นธรรมชาติ การนำ PRP มาใช้ในหลุมสิว มักเป็นการรักษาร่วมกับการทำเลเซอร์ โดยจะช่วยเร่งซ่อมแซมบริเวณที่เป็นหลุมสิว หรือบริเวณผิวหลังจากการทำเลเซอร์ เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นๆ ฟื้นฟูได้รวดเร็ว และได้ผลลัพธ์จากการรักษาที่ดียิ่งขึ้น แต่ PRP ในท้องตลาดมีทั้งราคาถูกและราคาแพง ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปตามเครื่องมือปั่นแยกที่แตกต่าง คุณภาพของหลอดที่ใช้และสารละลายแตกต่างกัน ผลลัพธ์จึงย่อมแตกต่างกัน อีกทั้งปัจจัยภายในตัวคนไข้เองที่อาจทำให้คุณภาพของ PRP ที่สกัดออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร

- กลุ่มสารสกัด Growth factor จาก Placenta เป็นอีกตัวเลือกที่ให้ Growth factor ที่มีคุณภาพความเข้มข้น เหนือกว่า PRP

-Exosome (เอ็กซ์โซโซม) เป็นสารที่ถูกแยกออกมาจาก SMC มีอนุภาคขนาดเล็ก ประมาณ 120 nm เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตร ทำให้เข้าถึงร่างกาย ต่าง ๆ ได้ดีกว่าและฟื้นบำรุงได้ลึกกว่า PRP และ SMC โดยใน Exosome จะมีสารชีวโมเลกุล 1,000 ชนิด เช่น เช่น Cytokines, Growth factors, Micro RNA, Genetic information และโปรตีนอีกหลายชนิดที่มีมากกว่า PRP เป็น 1,000 เท่า ช่วยกระตุ้นและซ่อมแซมฟื้นฟูร่างกายและMSCต่างๆ

Exosome มีกลไกการทำงานหลักที่ช่วยในการดูแลเรื่องผิวหนังคือ Anti-Inflammatory Property ลดการอักเสบ และ Promote Proliferation & Differentiation ช่วยเพิ่มการแบ่งตัว

จากงานวิจัย Exosome ช่วยในเรื่อง Scar Removal ช่วยดูแลแผลเป็น, Skin Rejuvenation ฟื้นฟูสภาพผิว, Pigmentation Regulation ดูแลเรื่องเม็ดสี และ Hair Growth การงอกของเส้นผม

   


- MSC หรือ Mesenchymal SMC ถือเป็นความหวังใหม่ทางการแพทย์ที่นำ SMC มาประยุกต์ใช้เพื่อรักษาหลุมสิว เนื่องจากSMCคือสารต้นกำเนิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อที่ต้องแซมได้ มีการศึกษานำร่องโดยการใช้ SMC ฉีดเข้าที่ใบหน้าเพื่อรักษาหลุมสิว พบว่า หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างชัดเจนที่ 2 สัปดาห์เป็นต้นไปหลังทำอีกทั้งยังมีผลพลอยได้ทำให้ผิวพรรณอ่อนวัยลดเลือนริ้วรอยสีผิวสม่ำเสมอดีขึ้นอีกด้วย



Reference:

-Kravvas G, Al-Niaimi F. A systematic review of treatments for acne scarring. Part 1: Non-energy-based techniques. Scars, Burns & Healing, Volume 3, 2017

-Kravvas G, Al-Niaimi F. A systematic review of treatments for acne scarring. Part 2: Energy-based techniques. Scars, Burns & Healing, Volume 4, 2018. 

-Jordan R, Cummins CCL, Burls A, Seukeran DDC. Laser resurfacing for facial acne scars. Cochrane Database of Systematic Reviews 2000, Issue 3

-Bhargava, S., Cunha, P.R., Lee, J. et al. Acne Scarring Management: Systematic Review and Evaluation of the Evidence. Am J Clin Dermatol 19, 459–477 (2018)

-Review Article Acne Scars: Pathogenesis, Classification and Treatment

https://www.researchgate.net/publication/338749120_Improvement_of_Atrophic_Acne_Scar_and_Skin_Complexity_by_Combination_of_Aqueous_Human_Placenta_Extract_and_Mesenchymal_Mesotherapy

ความรู้หลุมสิว

*หลุมสิว (Acne scar) คืออะไร

หลุมสิว คือรอยแผลเป็นชนิดหนึ่งในผู้ที่เป็นสิวนำมาก่อน  มีการศึกษาพบว่าคนที่เป็นสิวจะเกิดรอยแผลเป็นหลุมสิวตามมาได้ถึง 95% แม้จะได้รับการรักษาสิวอย่างดีเพียงใดก็ตาม ก็อาจหลีกเลี่ยงการเกิดขึ้นของหลุมสิวไม่ได้ ซ้ำร้ายการเป็นหลุมสิวจะปรากฏร่องหลุมลึกที่มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยปัจจัยกระตุ้นจากแสงแดด มลภาวะ และอายุวัยที่มากขึ้น ซึ่งปัญหาการเป็นหลุมสิวนี้ ไม่ใช่แค่เกิดรอยแผลเป็นที่รักษายากเท่านั้น แต่บางครั้งยังกระทบต่อสภาวะความรู้สึกจิตใจของคนไข้เอง ทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เกิดภาวะเครียด วิตกกังวล ไปจนถึงภาวะซึมเศร้า จนกระทบต่อคุณภาพชีวิต การเรียน และการทำงานได้เลยทีเดียว

หลุมสิวถือเป็นร่องรอยจากสิวที่รักษาได้ยากที่สุด ถ้าเทียบกับรอยสิวประเภทอื่นๆ เช่น รอยแดง รอยดำ   ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน เราจะยังไม่สามารถทำให้ผิวที่เป็นหลุมสิว กลับมาเรียบเนียนเหมือนผิวเดิมปกติได้ 100% แต่เราก็สามารถทำให้ฟื้นฟูเนื้อเยื่อใหม่และเติมเต็มหลุมขึ้นมาได้ถึง 50-80%

หลักการสำคัญของการรักษาหลุมสิว คือ ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นใกล้เคียงผิวปกติมากที่สุด โดยเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์จากการรักษาที่น้อยที่สุด และคนไข้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติโดยเร็วที่สุด



*หลุมสิว เกิดขึ้นได้อย่างไร
                       หลุมสิว คือแผลเป็นจากสิวชนิดหนึ่ง เกิดจากกระบวนการอักเสบกัดกินเนื้อเยื่อคอลลาเจนลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ทำให้เนื้อผิวในส่วนนั้นยุบตัวลง แต่เมื่อสิวและการอักเสบหายไป เนื้อผิวบริเวณนั้นกลับไม่ยอมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ แต่กลับกลายเป็นพังผืดใต้ชั้นผิวขึ้นมาแทน ทำให้ผิวหน้าเกิดเป็นรอยหลุม ขรุขระ เป็นรู ดูไม่เรียบเนียน



*หลุมสิวมีกี่ประเภท

หลุมสิวแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1.Ice pick scar หรือ หลุมสิวแบบจิกลึก คล้ายปากฉลาม มีลักษณะปากแผลแคบ ก้นแผลจิกลึกลงไปมาก เป็นชนิดที่รักษายากที่สุด

2.boxcar scars มีลักษณะคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมตู้คอนเทนเนอร์ มีปากแผลกว้าง แต่ขอบแผลคม ชันเหมือนหน้าผา และก้นแผลมักตื้นกว่าแบบ icepick

3.rolling scar มีลักษณะปากแผลกว้าง ขอบแผลเป็นสโลปไม่ชัน ก้นแผลไม่ลึกมาก คล้ายแอ่งกะทะ เมื่อทดสอบด้วยการดึงผิวให้ตึง (stretch test) หลุมสิวจะดูตื้นขึ้นชัดเจน เป็นชนิดของหลุมสิวที่รักษาให้ดีขึ้นได้มากที่สุด
                    
**โดยทั่วไป คนไข้มักจะมีหลุมสิวทั้ง 3 แบบนี้อยู่รวมกัน การรักษาจึงต้องใช้หลายวิธีผสมผสานกันจึงจะเห็นผลดีที่สุด

                              
 
 
   
 

นอกจากนี้อาจยังแบ่งเป็นประเภทย่อยๆที่ละเอียดขึ้นไปได้อีก เช่น Icepick แบ่งเป็น Shallow Pit(หลุมจิกแบบตื้น) กับ Deep pit(หลุมจิกแบบลึก), Tethered Scar(หลุมลึกกว้าง มีพังผืดที่ก้นหลุมเกาะติดฝังแน่นกับเนื้อเยื่อชั้นลึกใต้ผิวหนัง)
                                   

*การแบ่งระดับความรุนแรงของหลุมสิว

- ระดับ 1 รอยเล็กน้อย (Macular disease) เป็นรอยดำ หรือรอยแดง เท่านั้น ยังไม่ปรากฏลักษณะของรอยหลุมชัดเจน

- ระดับ 2 เล็กน้อย (Mild disease) หลุมสิวไม่ลึกมาก มองเห็นหลุมไม่ชัดในระยะ 50 ซม. สามารถแต่งหน้าปกปิดได้

- ระดับ 3 ปานกลาง (Moderate disease) หลุมสิวที่ไม่สามารถแต่งหน้าปกปิดได้ แต่เมื่อทดสอบด้วยการดึงผิวให้ตึงแล้ว หลุมสิวดูตื้นขึ้น มองเห็นว่ามีรอยหลุมสิวในระยะห่าง 50 ซม. ขึ้นไป

- ระดับ4 รุนแรง (Severe disease) หลุมสิวที่ก้นแผลลึกและขอบแผลชันมาก มองเห็นว่ามีรอยหลุมสิวชัดเจนในระยะห่างตั้งแต่ 50 ซม. ขึ้นไป เมื่อทดสอบด้วยการดึงผิวให้ตึง หลุมสิวก็ไม่ตื้นขึ้น

                    
 
ควบคุมดูแลโดยแพทย์
  • คุณหมอเบนซ์ พญ.รมิตา สุภาสัย คุณหมอเบนซ์ พญ.รมิตา สุภาสัย MD, Master’s Degree (MSc.) in Dermatology * แพทย์ต่อยอดวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาตจวิทยา
  • ผ่านการฝึกอบรมจากสถาบัน IFERA และ KFERA สถาบันด้านการวิจัยฟิลเลอร์และสกินบูสเตอร์ ที่เกาหลีโดยตรง
  • คุณหมอได้รับโล่ห์รางวัลยอดใช้สูงสุดและรับประกันของแท้จากMr. Byong Seung Cho ประธานผู้บริหาร ExoCoBio Inc.
  • ด้วยเทคนิค ที่ได้รับการถ่ายทอดจากประธานสมาคมแพทย์เกาหลีโดยตรง จึงมั่นใจได้เลยว่า ผลลัพธ์ดี ได้มาตรฐานเดียวกันแน่นอนค่ะ
คลินิกหมอ ไม่มียัดเยียดขายคอร์ส
  • เรียลคลินิก เน้นให้บริการอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่ยัดเยียดในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับคนไข้
  • เราเล็งเห็นถึงปัญหา ที่เวลาเข้ามาที่คลินิกความงามส่วนใหญ่ คนไข้มักโดนการยัดเยียดขายคอร์สที่ไม่จำเป็น
  • คุณหมอเบนซ์และทีมงานทุกคน จึงสร้างสรรค์เรียลคลินิก ที่ให้บริการด้วยใจและการรักษา ตามหลักการที่ถูกต้อง โดย " ไม่ต้องยัดเยียดขายคอร์ส์ "
คุณหมอให้คำปรึกษาด้วยตนเองทุกเคส 
  • เพื่อให้มั่นใจว่าปัญหาที่คนไข้กังวลนั้น จะได้รับการแก้ไขด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด
  • คนไข้มีส่วนร่วม ในการตัดสินใจเลือกรับการรักษา  ด้วยโปรแกรมการรักษาที่คุ้มค่าที่สุด พร้อมคำแนะนำอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา
  • คุณหมอดูแลควบคุมเองจึงใช้แต่ "ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด"
  • พนักงานพร้อมให้บริการด้วยใจรัก ยินดีต้อนรับทุกท่านด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส
HA Filler ของแท้ มีอย. ตรวจสอบได้
  • Real Clinic สั่งผลิตภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ จากบริษัทผู้นำเข้าอย่างถูกต้อง ได้มาตราฐาน มีใบรับรองจากบริษัทโดยตรง 
    ก่อนฉีด แกะกล่องให้เห็นต่อหน้า

  • ก่อนฉีด ตรวจสอบให้ดูว่าเป็นของแท้
  • หลังฉีด ให้กล่องกลับบ้าน พร้อมแนะนำข้อปฏิบัติตนหลังฉีด

คุณหมอเชี่ยวชาญในการปรับรูปหน้า โดยเฉพาะ
  • คุณหมอ ประสบการณ์สูงชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์มากค่ะ
  • คุณหมอใจเย็น ละเอียด ประณีต ในการทำหัตถการ
  • คุณหมอมือเบามาก ทำให้ไม่บวม ไม่เขียวคุณหมอใช้เข็มทู่ตลอด ปลอดภัยมากค่ะ
  • ออกแบบรูปหน้าเฉพาะรายบุคคล เทคนิคเฉพาะตัว ฉีดเนียนสวยเน้นเป็นธรรมชาติที่สุด

คุณหมอเบนซ์อัพเดทความรู้ตลอดเวลา
  • เข้าคอร์สอบรมเพิ่มเติมเป็นประจำ เพื่อให้ทันเทรนด์ยุคสมัย
  • ให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด   
  • ปลอดภัย ฝีมือดี รางวัลการันตรี
Powered by MakeWebEasy.com