การตัดพังผืดใต้หลุมสิว (subcision) สามารถช่วยให้หลุมสิวดีขึ้นได้ทันทีบางส่วน เนื่องจากการตัดพังผืดจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังมีการฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อเติมเต็มหลุมสิว
การตัดพังผืดใต้หลุมสิว (subcision) สามารถทำได้โดยใช้เข็มทู่ (blunt needle) หรือเข็มคม (sharp needle) ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียของตนเอง การเลือกใช้เข็มชนิดใดขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผิวหนังและสภาพผิวของผู้ป่วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนการรักษา
ทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันดังนี้:
1. เข็มทู่ (Blunt Needle):
- ข้อดี: เข็มทู่มีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเลือดออกใต้ผิวหนัง เนื่องจากปลายเข็มไม่แหลมคม ทำให้สามารถตัดพังผืดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ มากเกินไป
- ข้อเสีย: อาจใช้เวลานานกว่าและอาจจะไม่เหมาะสำหรับพังผืดที่แข็งแรงมากๆ
2. เข็มคม (Sharp Needle):
- ข้อดี: เข็มคมสามารถตัดพังผืดที่แข็งแรงได้ง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากปลายเข็มแหลมคมและสามารถเจาะผ่านพังผืดได้ง่าย
- ข้อเสีย: มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเลือดออกใต้ผิวหนังมากกว่า และอาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือติดเชื้อได้ถ้าไม่ทำอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีนี้อาจไม่เพียงพอ ในบางกรณีที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเห็นผลไว อาจต้องการการเสริมเติมเพิ่มเติมเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เช่น:
- การเติมฟิลเลอร์ (Dermal Fillers): ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนังที่เกิดขึ้นหลังจากการตัดพังผืด แม้เราจะตัดพังผืดไปแล้ว แต่ด้านใต้เป็นช่องว่าง ใบหน้าก็จะไม่ฟูเต็มที่ก็ยังคงเห็นเป็นหลุมอยู่ดี ฟิลเลอร์จึงมามีส่วนช่วยให้ผิวดูฟูเรียบเนียนขึ้น และยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย
- การใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนร่วมกับการตัดพังผืด (subcision) เป็นวิธีที่เรียกว่า คาร์บ็อกซีเทอราพี (Carboxytherapy)
- การทำเลเซอร์ (Laser Treatment): การทำเลเซอร์สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงสภาพผิว ช่วยลดรอยหลุมสิวและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- การทำไมโครนีดลิง (Microneedling): วิธีนี้ใช้เข็มเล็กๆ แทงผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอิลาสติน ช่วยฟื้นฟูผิวและลดรอยหลุมสิว
การใช้เซรั่มช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน:** - การใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สามารถช่วยเสริมการรักษาและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในระยะยาว
1. การใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนร่วมกับการตัดพังผืด (subcision) เป็นวิธีที่เรียกว่า **คาร์บ็อกซีเทอราพี (Carboxytherapy)** วิธีนี้มีการใช้ก๊าซ CO₂ ฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงสภาพผิว
ประโยชน์ของการใช้ CO₂
- กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด: ก๊าซ CO₂ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณที่ฉีด ทำให้เนื้อเยื่อได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวหนัง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: การใช้ CO₂ ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวหนังแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น ลดรอยหลุมสิวและทำให้ผิวเรียบเนียน
- ลดการอักเสบ: ก๊าซ CO₂ มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการบวมแดงและช่วยให้ผิวหนังฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังการตัดพังผืด
- เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา: การใช้ CO₂ ร่วมกับการตัดพังผืดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา โดยทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น
ข้อควรรู้
1. **ผลข้างเคียง:** การใช้ CO₂ อาจมีผลข้างเคียงเช่น อาการบวม แดง หรือรู้สึกไม่สบายบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปในไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน
2. **ความปลอดภัย:** ควรทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการใช้ CO₂ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
3. **การตอบสนองของผิวแต่ละคนแตกต่างกัน:** ผลลัพธ์ของการใช้ CO₂ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกาย
การใช้ CO₂ ร่วมกับการตัดพังผืดสามารถเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาหลุมสิว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
2. การเติมเต็มหลุมสิวด้วยฟิลเลอร์ (dermal filler) เป็นวิธีการใช้สารเติมเต็ม เช่น ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) ฉีดเข้าไปในบริเวณหลุมสิว เพื่อทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายได้ แต่ไม่ใช่หลักการหลักของการทำงานของฟิลเลอร์ กระบวนการหลักของฟิลเลอร์คือการเติมเต็มพื้นที่ว่างใต้ผิวหนังที่เป็นหลุมสิวทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นทันที
หลักการทำงานของฟิลเลอร์
- เติมเต็มพื้นที่ว่าง: เมื่อฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไปในบริเวณที่เป็นหลุมสิว มันจะเติมเต็มพื้นที่ว่างใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังยกขึ้นและดูเรียบเนียน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน : การฉีดฟิลเลอร์บางชนิด เช่น ฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมไฮดรอกซิอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite) มีผลกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ร่างกายจะตอบสนองต่อสารที่ฉีดเข้าไปโดยการสร้างคอลลาเจนใหม่ๆ รอบๆ บริเวณที่ถูกฉีด
กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- การอักเสบเล็กน้อย**: การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในผิวหนังจะทำให้เกิดการอักเสบเล็กน้อย ซึ่งกระบวนการนี้จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในร่างกาย
- การฟื้นฟูของผิว**: เมื่อฟิลเลอร์ถูกฉีดเข้าไป ร่างกายจะเริ่มกระบวนการฟื้นฟูผิว ทำให้มีการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น
มีข้อดีและข้อจำกัดดังนี้
- ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน: หลังการฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันที ผิวดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- เวลาในการรักษาสั้น: การฉีดฟิลเลอร์ใช้เวลาไม่นาน ส่วนใหญ่ไม่เกิน 30 นาที
- ไม่มีเวลาพักฟื้น: หลังการฉีดฟิลเลอร์สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันท
- ความปลอดภัยสูง: ไฮยาลูรอนิคแอซิดเป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ ทำให้มีความเสี่ยงต่ออาการแพ้หรือติดเชื้อต่ำ
การใช้ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับหลุมสิวแบบใด
- Boxcar scars**: หลุมสิวรูปสี่เหลี่ยมขอบชัด
- Rolling scars**: หลุมสิวที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่น ไม่ลึกมาก
สรุป
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะไม่ใช่กระบวนการหลักในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ก็สามารถมีผลกระตุ้นได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ การเลือกฟิลเลอร์และการฉีดควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
3. การใช้ Sculptra ร่วมกับการรักษาหลุมสิว เป็นสารเติมเต็มผิวหนังที่ใช้สาร Poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง การใช้ Sculptra ร่วมกับการตัดพังผืด (subcision) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว โดยเฉพาะหลุมสิวที่ลึกและยากที่จะรักษา
ประโยชน์ของการใช้ Sculptra
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: Sculptra ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนังอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลุมสิวค่อยๆ ตื้นขึ้นและผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว
- ผลลัพธ์ที่ยาวนาน: ผลลัพธ์ของ Sculptra มักจะคงอยู่ได้นานหลายปี เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลังการฉีด
- เติมเต็มหลุมสิว: การใช้ Sculptra ร่วมกับการตัดพังผืดช่วยเติมเต็มช่องว่างที่เกิดจากการตัดพังผืด ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อควรรู้- จำนวนครั้งในการรักษา: การฉีด Sculptra มักต้องทำหลายครั้ง (2-4 ครั้ง) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์
- ความปลอดภัย: ควรทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
- การใช้ Sculptra ร่วมกับการตัดพังผืดสามารถเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับหลุมสิว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
4. การใช้ Exosome ร่วมกับการรักษาหลุมสิว เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจในวงการความงามและการฟื้นฟูผิว Exosome เป็นอนุภาคเล็กๆ ที่เซลล์ต่างๆ ในร่างกายปล่อยออกมาเพื่อสื่อสารกัน พวกมันมีบทบาทสำคัญในการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ และมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการฟื้นฟูและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
ประโยชน์ของการใช้ Exosome
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน: Exosome สามารถส่งสัญญาณให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้น ช่วยเติมเต็มหลุมสิวและปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิว
- ฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ: Exosome มีความสามารถในการกระตุ้นการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นและปรับปรุงสภาพผิว
- ลดการอักเสบ: Exosome มีคุณสมบัติลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการบวมแดงและทำให้ผิวสงบลง
สรุปการตัดพังผืดใต้หลุมสิวสามารถช่วยปรับปรุงสภาพหลุมสิวได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น การเติมฟิลเลอร์หรือการรักษาเพิ่มเติมอื่นๆ ก็นับว่าจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแพทย์แต่ละบุคคลในการทำ *** แม้ใช้อุปกรณ์,ตัวยา,วิธีการรักษาเหมือนกัน แต่อยู่ในมือแพทย์ที่ต่างกัน ผลลัพธ์และความปลอดภัย ย่อมต่างกัน " การรักษารอยแผลเป็น'หลุมสิว' เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ทางการแพทย์ เป็นหนึ่งในการรักษาที่หมอมีความถนัดชำนาญ และชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ เนื่องจากหมอก็เป็นคนที่มีปัญหาหลุมสิวด้วยเหมือนกัน หมอจึงศึกษาและติดตามอัพเดทการรักษาหลุมสิวมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเรียนแพทย์ทั่วไป เรียนแพทย์ต่อยอดด้านผิวหนัง มาจนถึงปัจจุบัน โดยเทคนิคเฉพาะตัวที่หมอถนัดและเชี่ยวชาญและเชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่สุด จะเป็นกลุ่มการรักษาด้วยหัตถการเน้นมือแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Scar Revision) และใช้เลเซอร์เป็นเพียงส่วนเสริมเก็บรายละเอียดเท่านั้นเทคนิควิธีของหมอในการรักษาแผลเป็นหลุมสิวนั้นเป็นแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร อาศัยทักษะความสามารถ เทคนิคขั้นสูงในการทำหัตถการการรักษาหลุมสิว เป็นงานฝีมือแพทย์ที่ต้องใช้ความชำนาญและความละเอียดเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และต้องเข้าใจเรื่องหลุมสิวอย่างถ่องแท้ รู้ว่าวิธีการรักษาหลุมสิวประเภทนี้ มีวิธีใดใช้รักษาได้บ้าง และนำมาปรับใช้กับคนไข้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุดReal Scar Synergy ( RSS ) คือ โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่คิดค้นขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งเน้นการรักษาโดยวิธีหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ที่ผสมผสานหลายวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐานสากล มีงานวิจัยรองรับ ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลกว่าช่วยแก้ไขหลุมสิวได้จริง รวมไว้ในโปรนแกรมเดียว แล้วฉีดตัวยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อเข้าไป เพื่อฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อของเราเอง อีกทั้งยังเสริมด้วยเทคนิคพิเศษ ที่คุณหมอศึกษาโดยตรงมาจากอาจารย์แพทย์ชาวเกาหลี คือการฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและทำให้เกิดโพรงอากาศ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่ ซึ่งเป็นเทคนิควิธีเดียวกันกับที่เกาหลี เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องพักหน้า ตามหลักการ - Specific Scar Revision คือการรักษาตามลักษณะของหลุมสิวที่เป็นแต่ละจุดโดยละเอียด โดยใช้วิธีการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละรอยหลุมสิว ไม่ใช่การรักษาเหมือนกันในทุกๆคนแบบ one size fit all เนื่องจากหลุมสิวมีหลายลักษณะ และพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน
- Multimodality Approach หลักการสำคัญคือต้องใช้หลากหลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ครอบคลุมปัญหาได้มากที่สุด เพราะบนใบหน้าเรามีหลุมสิวหลายแบบ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หมอจึงไม่ใช้แค่วิธีการรักษาเดียว รักษาหลุมสิวทุกแบบบนใบหน้า ดังนั้นการรักษาหลุมสิวจึงไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือเครื่องเดียวแล้วรักษาเคสหลุมสิวแบบเดียวกันกับทุกคน
เหมาะกับใคร?- ผู้ที่รักษามาหลายวิธีแล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้น
- ผู้ที่ต้องการรักษาหลุมสิวเพิ่มเติม หลังจากทำเลเซอร์จนครบคอร์สหลายครั้งแล้ว
- ผู้ที่ทำเลเซอร์มาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเห็นผล
- ผู้ที่ไม่สามารถพักหน้าหลังทำเลเซอร์ได้
- ผู้ที่ผิวบาง ระคายเคืองง่าย เป็นฝ้า มีข้อจำกัดในการทำเลเซอร์
รักษาอะไรได้บ้าง
- รอยแผลเป็นสิว
- รอยแผลเป็นต่างๆจากอุบัติเหตุ
- รอยแผลเป็นอีสุกอีใส
- ริ้วรอยต่างๆ หน้าผาก หว่างคิ้ว ตีนกา ร่องแก้มร่องน้ำหมาก
ข้อจำกัดการรักษา- ไม่ได้ทำให้ผิวเรียบเนียนกริบ100% เสมือนผิวที่ไม่เคยมีแผลเป็นหรือริ้วรอยมาก่อน
- แม้พังผืดจะถูกตัดให้แยกออกจากกัน แต่เนื่อเยื่อแผลเป็นยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกกำจัดออกไปแบบการผ่าตัดเเอาออก แล้วเย็บหลุม
- หลุมสิวแบบจิกลึก ขอบคมชัด อาจเห็นผลไม่มากในครั้งแรก แต่คุณภาพผิวโดยรวมจะดูดีขึ้น
- ช่วง 1-2 สัปดาห์แรก อาจมีอาการบวม ทำให้ดูตื้นขึ้นเกินเนื้อจริง
*หัตถการหลักเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ที่ผสมผสานหลายวิธีการรักษาหลุมสิว ที่เป็นมาตรฐานสากล มีงานวิจัยรองรับ ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลกว่าช่วยแก้ไขปัญหาหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้จริง รวมไว้ในโปรแกรมเดียว (หัตถการที่จะใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล)- Surgical Subcision - ตัดเซาะผังผืดด้วยเข็มชนิดพิเศษเทคนิคเฉพาะตัว จึงสามารถตัดผังผืดได้อย่างทั่วถึงตรงจุดแบบ Multilevel โดยไม่มีรอยช้ำห้อเลือด แบบการตัดผังผืดด้วยเข็มคมเทคนิคเดิมๆ - Air dissector เป็นการใช้ก๊าซตัดพังผืดชั้นตื้น เพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง และช่วยลดอาการบวมช้ำ ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น Subcisionคืออะไรอ่านเพิ่มเติม
- Microneeding Collagen Induction Therapy (CIT Dermafix) เป็นการรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยผลัดผิวชั้นบน และผลักตัวยาสำคัญให้เข้าถึงทั่วทุกบริเวณอย่างล้ำลึก
- Chemical Reconstruction คือการใช้สารเคมีทางการแพทย์มาช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ขึ้นมาจากก้นหลุมแบบโดยเฉพาะทีละจุด โดย TCA CROSS/Paint Technique ด้วยความเข้มข้นและเทคนิคที่เหมาะสมตามแต่ผิวคนไข้แต่ละราย
- ในบางเคส ฉีดสารเติมเต็ม Filler ที่เนื้อเยื่อที่ฝ่อยุบตัวอย่างรุนแรง จนการฟื้นฟูผิวด้วยตัวเองสร้างขึ้นมาไม่ทัน ต้องอาศัยการฉีด สารเติมเต็ม Filler เพื่อเข้าไปทดแทน และเป็นบัฟเฟอร์กันชนไม่ให้พังผืดที่ตัดไปแล้ว กลับมารวมตัวกันอีก
- Skin Regenaratiom กลุ่มตัวยาสำคัญที่หมอจะเลือกใช้ : Polynucleotides,Exosome, Growth Factor, กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Peptides ซึ่งในแต่ละกลุ่มตัวยา ก็จะจำแนกตัวยาไปอีกหลายตัวเลยค่ะ ทั้งนี้การเลือกใช้ตัวยาไหนขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจแพทย์และปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล ซึ่งเป็นการรวบรวมตัวยาสำคัญหลายชนิด แบบ Combination Therapy ควบคู่กับการทำหัตถการแพทย์ เพื่อช่วยเรียกเนื้อหลุมสิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ให้มาเติมเต็มรอยยุบได้อย่างถาวร กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน สว่างใสฉ่ำวาวยิ่งขึ้น ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น
- ฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง และฉีดสารตัวยาสำคัญเข้าไปแทนที่
- Skin Regeneration Agents* การฉีดสารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อด้วยตัวเอง มีหลายชนิดตามดุลยพินิจแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Polynucleotides PN, PDRN, Peptides, Exosome
เทคนิคที่ได้รับการอบรมโดยตรงจากอาจารย์แพทย์ชื่อดังของเกาหลี