Last updated: 12 ธ.ค. 2567 | 4462 จำนวนผู้เข้าชม |
การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เป็นอีกวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศ เพราะ ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาหลุมสิววิธีอื่นใดที่ได้ผลเร็วเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งโดยปกติฟิลเลอร์จะถูกใช้ในการเติมร่องลึกให้ตื้นขึ้นได้ทันทีอยู่แล้ว ดังนั้นในหลุมสิวที่มีการยุบตัวลงไปของชั้นผิว จึงสามารถแก้ไขด้วยฟิลเลอร์ให้หลุมสิวนั้นตื้นขึ้นได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้ฟิลเลอร์ฉีดแก้ไขแผลเป็นชนิดยุบตัว (Atrophic Scar) แบบอื่นๆ ทั้งที่หน้าและลำตัวได้ด้วย เช่น แผลเป็นอีสุกอีใส แผลเป็นจากอุบัติเหตุ แผลเป็นหลังการผ่าตัดศัลยกรรม
ถ้าแผลเป็นมีพังผืดถูกยึดตัวไว้กับโครงสร้างผิวข้างใต้ การแก้ไขจำเป็นต้องตัดพังผืดนี้ออกก่อนแล้วจึงฉีดฟิลเลอร์ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี และเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากมากนัก แต่ต้องอาศัยทักษะฝีมือความชำนาญของแพทย์ผู้ทำหัตถการเป็นอย่างมาก
ฟิลเลอร์หลุมสิวจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในทันที และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คอลลาเจนที่ผิวเราเองจะถูกกระตุ้นจากกลไกการยืดตัวของไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast Stretching)ด้วยตัวฟิลเลอร์นี้เอง ซึ่งเป็นอีกคุณประโยชน์ของฟิลเลอร์ ที่ช่วยให้ผิวแผลเป็นที่บางลงถูกทำให้หนาขึ้นจากคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง
เห็นมีแต่การใช้ฟิลเลอร์เติมริ้วรอยร่องลึก สามารถเอามาใช้เติมหลุมสิวได้ด้วยจริงหรอ?
ฟิลเลอร์ถูกนำมาใช้เพื่อเติมเต็มร่องลึก รอยแผลเป็นในผู้ป่วยได้ทุกวัย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มีแผลเป็นยุบหรือหลุมสิวเมื่อเวลาผ่านไป คือ เนื่องจากการสูญเสียปริมาตรตามปกติที่เกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้น ชั้นกระดูกและเนื้อเยื่อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ รวมทั้งชั้นไขมันจะฝ่อตัวสลายไป ทำให้แผลเป็นหลุมสิวดูแย่ลงหรือเป็นมากขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งหมายความว่า แม้จะทำการรักษาผู้ป่วยที่มีแผลเป็นยุบได้อย่างเหมาะสมเพียงพอแล้ว แต่การสูญเสียปริมาตรของโครงสร้างผิวตามกลไกธรรมชาติ (Aging process: Age-related Volume loss)ดังกล่าว ก็ยังดำเนินต่อไป จึงควรรักษาภาวะเหล่านี้ร่วมด้วยอย่างต่อเนื่องเสมอ
เมื่อแผลเป็นหลุมสิวมีอายุมากขึ้น ริ้วรอยเหี่ยวย่นและร่องลึกแห่งวัย ก็จะก่อตัวขึ้นในแผลเป็นหลุมสิวนั้นด้วย การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปพยุงไว้ใต้บริเวณหลุมสิว ถือเป็นการป้องกันไม่ให้ร่องลึกแห่งวัยเกิดขึ้นเร็วจนทำให้หลุมสิวดูรุนแรงขึ้น แต่ถ้าหากมีริ้วรอยร่องลึกอยู่แล้ว ก็ควรฉีดฟิลเลอร์แก้ไขและยกกระชับริ้วรอยแห่งวัยนั้นไปด้วย
การสูญเสียปริมาตรตามวัยของเนื้อเยื่อและชั้นกระดูกที่พยุงใบหน้าจากอายุที่มากขึ้น (Aging process: Age-related Volume loss)นั้น สามารถรักษาได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจาก2วิธีนี้เท่านั้น คือ การฉีดฟิลเลอร์สารเติมเต็ม และการฉีดไขมัน
**กลุ่มเครื่องมือพลังงานเลเซอร์ ไม่สามารถทำให้เกิดการเพิ่มปริมาตรของโครงสร้างเนื้อเยื่อที่พยุงใบหน้าได้เลย
หากคนไข้มีอายุมากขึ้นแล้วมีปัญหาที่โครงสร้างพยุงผิวตามวัยร่วมด้วย การใช้สารเติมเต็ม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและช่วยยกพยุงผิวหนัง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ผลลัพธ์ผิวหน้าโดยรวมดีขึ้นได้มากที่สุด
ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดรอยแผลเป็นหลุมสิว
สารเติมเต็ม Filler มีบทบาทอย่างไรในการรักษาหลุมสิว?
ในการทำ Subcision ผ่าตัดพังผืด ร่วมกับการฉีดสารเติมเต็ม เป็นหัตถการอย่างหนึ่งที่มักจะให้ผลลัพธ์หลังการรักษาที่ชัดเจนและดีขึ้นในทันที อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับแผลเป็นหลุมสิวในแต่ละบุคคล ความรุนแรงของแผลเป็นจากสิว ปริมาณของพังผืด ตำแหน่งของเนื้อเยื่อแผลเป็น และความหนาของผิวหนังคนไข้ด้วย
ในการรักษาหลุมสิว สารเติมเต็ม Filler มีบทบาทดังนี้
ข้อดีของการใช้ฟิลเลอร์รักษาหลุมสิวในเชิงลึก
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อรักษาหลุมสิวเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว พร้อมประโยชน์ในเชิงลึกดังนี้:
1. เติมเต็มหลุมสิวทันที เห็นผลชัดเจน
หลังการฉีดฟิลเลอร์ หลุมสิวจะดูตื้นขึ้นทันที ช่วยปรับพื้นผิวให้เรียบเนียนอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอการฟื้นฟูผิวเหมือนวิธีอื่น เช่น เลเซอร์หรือการทำ Subcision
2. กระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
ฟิลเลอร์บางชนิด เช่น Poly-L-lactic Acid (Sculptra) หรือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ไม่เพียงเติมเต็มหลุมสิวชั่วคราว แต่ยังส่งเสริมการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ซึ่งช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิวในระยะยาว
3. ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญ ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เช่น Hyaluronic Acid (HA) จะหลอมรวมกับเนื้อเยื่อผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งรอยหรือความไม่สม่ำเสมอ
4. ปรับโครงสร้างผิวลึก
ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มและรองรับชั้นผิวลึกที่เสียหายจากหลุมสิว โดยเฉพาะกรณีที่หลุมสิวเกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิว เช่น Rolling Scar หรือ Boxcar Scar
5. ไม่มีเวลาพักฟื้น (Minimal Downtime)
หลังการฉีดฟิลเลอร์ ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที อาจมีรอยเข็มเล็กน้อยที่จางหายได้ใน 1-2 วัน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่สะดวกและเหมาะสำหรับคนที่มีเวลาน้อย
6. เหมาะกับทุกสภาพผิว
ฟิลเลอร์สามารถใช้ได้กับทุกประเภทผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม อีกทั้งไม่เสี่ยงต่อการเกิดรอยดำ (Post-inflammatory Hyperpigmentation) เหมือนกับบางวิธีที่ใช้พลังงานสูง
7. ปรับแต่งได้ตามความต้องการ
แพทย์สามารถออกแบบการฉีดฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับตำแหน่งและความลึกของหลุมสิวแต่ละจุด โดยใช้ปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพ
8. ปลอดภัยและสลายได้เอง (สำหรับ HA Fillers)
ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และสามารถสลายตัวเองได้ภายใน 6-12 เดือน อีกทั้งยังสามารถแก้ไขได้ง่ายหากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ
หลักการสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ คือ ขั้นตอนการแก้ไขแผลเป็นหลุมสิวทั้งหมดนี้ จะอาศัยระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้เองในการซ่อมแซมและสร้างคอลลาเจนใหม่ ในบางกรณีที่เนื้อเยื่อไขมันยุบฝ่อตัวลงเป็นบริเวณกว้างและลึกมาก ระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างเนื้อเยื่อใหม่ด้วยร่างกายของคนไข้เอง จะไม่สามารถสร้างคอลลาเจนใหม่มาทดแทนตรงจุดนี้ได้เลย ดังนั้นจะเหลือทางเลือกเพียง 2 ทางคือ การฉีดเติมเต็ม ด้วยไขมัน กับการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ เท่านั้นเอง
การฉีดไขมันตัวเองเพื่อเติมหลุมสิว ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากประมาณการณ์หรือคาดเดาอัตราการติดได้ลำบาก การติดของไขมันที่ฉีดขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างมาก ไม่สามารถคาดการณ์ความแน่นอนที่จะติดได้
ฟิลเลอร์หลุมสิวต้องใช้ปริมาณมากแค่ไหน
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ในการฉีดเติมหลุมสิวในคนไข้แต่ละรายนั้นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิวเดิมของคนไข้ ลักษณะความลึกกว้างของหลุมสิว และข้อจำกัดของคนไข้แต่ละราย
แพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องทำการประเมินรอยแผลเป็นและตัดสินใจเลือกขนาดยาที่ดีที่สุดหลังจากซักประวัติและตรวจร่างกายผู้ป่วยแล้ว หากผู้ป่วยมีประวัติภาวะแทรกซ้อนจากฟิลเลอร์ผิวหนัง หรือหากมีงบประมาณจำกัด อาจต้องใช้ขนาดยาที่น้อยลงกว่ามาตรฐานในช่วงเริ่มต้น แล้วขยายระยะเวลาการรักษา จำนวนครั้งที่ทำมากขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว ในการหวังผลกระตุ้นคอลลาเจน มักจะเริ่มต้นด้วย HA Filler หรือ ฟิลเลอร์สกินบูสเตอร์ 1-3 cc หรือฟิลเลอร์กลุ่ม Biostimulator 1-2 โดส โดยอาจต้องทำการรักษาต่อเนื่องหลายครั้ง
ในส่วนของการเติมเต็มชั้นเนื้อเยื่อที่ยุบตัวลง ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นกับลักษณะของหลุมสิว ว่ามีความกว้างลึกเพียงใด และต้องใช้มากน้อยเพียงใด
สรุป
การฉีดเติมเต็มหลุมสิว ไม่ว่าจะด้วยการใช้ฟิลเลอร์หรือสารฟื้นฟูเนื้อเยื่ออื่นๆ เป็นวิธีที่ทำให้หลุมสิวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วที่สุด โดยเฉพาะในหลุมสิวประเภท Rolling scar และ boxcar scar บางประเภท
การฉีดเติมเต็มหลุมสิว หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้ชำนาญ และเลือกใช้สารเติมเต็มหรือฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิว ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลแล้ว ถึงแม้ว่าสารเติมเต็มนั้นจะสลายตัวหมดเมื่อเวลาผ่านไป แต่คอลลาเจนที่ถูกสร้างด้วยร่างกายคนไข้เองทั้งทางตรงและทางอ้อมยังคงอยู่ มากน้อยขึ้นกับชนิดของสารเติมเต็ม และพื้นฐานผิวเดิมตามกรรมพันธุ์ของคนไข้เอง
อย่างไรก็ตาม การเติมเต็มหลุมสิว เป็นหัตถการแพทย์ที่ต้องใช้ทักษะความชำนาญขั้นสูงกว่าการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปเป็นอย่างมาก และมีโอกาสเกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้ จึงควรได้รับการดูแลรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเห็นผลดีที่สุด
1. Real Scar Synergy ( RSS )
คือ โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่ออกแบบขึ้นโดย Dr.Ramita ซึ่งเน้นการรักษาโดยวิธีหัตถการแพทย์เป็นหลัก (Non-Energy Based Acne Scar Revision) ด้วยเทคนิคเฉพาะของ Dr.Ramita ผสมผสานหลายวิธีมาตรฐานที่มีงานวิจัยรองรับ เสริมด้วยเทคนิคพิเศษที่คุณหมอศึกษาเพิ่มเติมจากอาจารย์แพทย์ชาวเกาหลี คือการฉีดสารฟื้นฟูเติมเต็มร่วมกับฉีดก๊าซเข้าไปตัดพังผืดและไปกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้เกิด Skin Regeneration ฟื้นฟูหลุมสิวด้วยคอลลาเจนของตัวเราเอง เพิ่มเติมด้วยสารฟื้นบำรุงช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษาให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น ลดการบวมช้ำ ไม่ต้องพักหน้า
คลิก อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
คือ การรักษาหลุมสิวที่ คุณหมอรมิตา ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจาก Dr. Jin Se-hun (ดร.จิน รักษาหลุมสิวเกาหลี) ศัลยแพทย์ตกแต่งชื่อดังชาวเกาหลี เทคนิคนี้มุ่งเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนการ ฟื้นฟูผิวหนังด้วยตัวเอง โดยใช้การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) และกรดไฮยาลูโรนิกอนุภาคเล็ก (Hyaluronic Acid) เข้าสู่ชั้นหนังแท้บริเวณที่มีปัญหา เช่น หลุมสิว ริ้วรอยร่องลึก หรือแผลเป็นเนื้อผิวยุบตัว กระบวนการนี้จะช่วยสร้างเนื้อเยื่อผิวคอลลาเจนในปริมาณมากให้ขึ้นมามาทดแทนผิวหนังที่เคยยุบเป็นหลุม ให้สามารถฟูตัวขึ้นมา ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ เนื้อเยื่อใหม่ โดยไม่ทำลายโครงสร้างผิวหนัง หลังการรักษาประมาณ 3-5 วัน จะสังเกตเห็นการยกตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจนใหม่ที่ขึ้นมาช่วยลดเลือนแผลเป็นหลุมสิวความไม่เรียบเนียนของผิว
คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม
Real Scar Synergy ( RSS )คืออะไร ?
เหมาะกับใคร?
ขั้นตอนการทำ
คุณหมอจะเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของใบหน้าโดยรวม และปัญหาหลุมสิวที่คนไข้เป็นอย่างละเอียด ตามด้วยระบุประเภทหลุมสิวแต่ละจุด ทีละจุดบนใบหน้า ประเมินลักษณะผังผืด และประเมินสภาพพื้นฐานผิวของคนไข้ได้อย่างถี่ถ้วน ถือเป็นจุดเริ่มต้นวางแผนการรักษาที่สำคัญมาก
เมื่อประเมินลักษณะปัญหาหลุมสิวของคนไข้ได้อย่างละเอียดดีแล้ว จึงค่อยวางแผนเลือกใช้วิธีการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้เฉพาะบุคคล หมอจึงต้องคอยปรับแต่งแผนการรักษาโดยตลอดให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน
*หัตถการพิเศษ ด้วยเทคนิคเฉพาะของหมอรมิตา" หัตถการที่จะใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล "
*กลุ่มตัวยาสำคัญที่หมอจะเลือกใช้ : Polynucleotides,Exosome, Growth Factor, กรดไฮยาลูรอนิคอนุภาคเล็ก, Peptides
ซึ่งในแต่ละกลุ่มตัวยา ก็จะจำแนกตัวยาไปอีกหลายตัวเลยค่ะ ทั้งนี้การเลือกใช้ตัวยาไหนขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจแพทย์และปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล ซึ่งเป็นการรวบรวมตัวยาสำคัญหลายชนิด แบบ Combination Therapy ควบคู่กับการทำหัตถการแพทย์ เพื่อช่วยเรียกเนื้อหลุมสิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ให้มาเติมเต็มรอยยุบได้อย่างถาวร กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน สว่างใสฉ่ำวาวยิ่งขึ้น ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น
รักษาอะไรได้บ้าง
ข้อจำกัดการรักษา
ข้อควรระวังหลังการรักษา
17 ธ.ค. 2567